ไขข้อสงสัย! การตลาดออนไลน์ กับ การตลาดดิจิทัล แตกต่างกันยังไง?

What is the different between online marketing & digital marketing
ในยุคดิจิทัลแบบนี้ เปิดเว็บไซต์ทีไรเจอแต่คำศัพท์การตลาดเต็มไปหมด โดยเฉพาะสองคำนี้ การตลาดออนไลน์ (Online Marketing) กับ การตลาดดิจิทัล (Digital Marketing) แม้จะฟังดูคล้ายกัน แต่จริงๆ แล้วมีความต่างอยู่นะ มาไขข้อสงสัยกัน!

การตลาดออนไลน์ คือ การใช้ช่องทางดิจิทัลเพื่อโปรโมทสินค้า บริการ และแบรนด์ ซึ่งมีกลยุทธ์และเทคนิคหลากหลาย มุ่งเน้นการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายผ่านทางอินเตอร์เน็ต

มาดูช่องทางการทำการตลาดออนไลน์กันว่ามีช่องทางไหนบ้าง?

1.Website: เปรียบเหมือนหน้าร้านค้าออนไลน์ ต้องสวยงาม ใช้งานง่าย ข้อมูลครบครัน แถมอันดับการค้นหา (SEO) ก็ต้องดี เพื่อให้ลูกค้าเป้าหมายค้นเจอเว็บไซต์ของคุณได้ง่าย เหมือนกับร้านค้าที่ตั้งอยู่ในย่านที่คนพลุกพล่าน และมีป้ายร้านค้าเด่นชัด

2.SEO (Search Engine Optimization):เทคนิคที่จะช่วยให้เว็บไซต์เราติดอันดับบน Google เหมือนกับการทำโปรโมชั่นลดราคา หรือจัดกิจกรรมพิเศษ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์

3.SEM (Search Engine Marketing): การโฆษณาบนเครื่องมือค้นหาอย่าง Google Ads คุณสามารถเลือกกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ เหมือนกับการยิงโฆษณา แต่คุณกำหนดได้ว่าจะโชว์โฆษณาให้ใครเห็น เปรียบเหมือนการว่าจ้างพนักงานขาย คอยเดินเข้าไปหาลูกค้าที่ตรงกลุ่มเป้าหมายของคุณ

4.Email Marketing: โดยการเก็บข้อมูลอีเมลลูกค้า เพื่อใช้ในการส่งข่าวสาร โปรโมชัน หรือสิทธิพิเศษต่างๆ เหมือนกับการมีระบบสมาชิก ที่คอยแจ้งข้อมูลสินค้าใหม่ หรือกิจกรรมเด็ดๆ ให้กับลูกค้าประจำ

5. Social Media Marketing: การสร้างเพจบนโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือช่องทางอื่นๆ ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า เหมือนกับการมีสาขาบนโซเชียล คอยอัพเดทเทรนด์ สร้างคอนเทนต์ที่น่าสนใจ เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่ และสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าประจำ

การตลาดดิจิทัล มีขอบเขตที่กว้างกว่านั้นเยอะ! มันครอบคลุมทุกกลยุทธ์การตลาดที่อาศัยเทคโนโลยิดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นช่องทางออนไลน์ หรือแม้แต่ ออฟไลน์ ก็ตาม

และการตลาดดิจิทัล คือ การใช้เครื่องมือทางดิจิทัลทุกรูปแบบเพื่อการตลาด ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ แอปพลิเคชัน สื่อสังคมออนไลน์ เครื่องมือค้นหา อีเมล ไปจนถึงการตลาดผ่านมือถือ (Mobile Marketing)

1.การตลาดบนมือถือ: สมัยนี้ใครๆ ก็ติดมือถือ การตลาดบนมือถือจึงเป็นอีกช่องทางที่ไม่ควรมองข้าม คุณสามารถเข้าถึงลูกค้าผ่านมือถือได้ด้วยหลายวิธี เช่น การส่ง SMS การทำแอปพลิเคชัน หรือการออกแบบเว็บไซต์ที่รองรับการใช้งานบนมือถือ เหมือนมีบริการเดลิเวอรี่ ส่งสินค้าหรือบริการให้ถึงมือลูกค้าโดยตรง

2.การตลาดคอนเทนต์: การสร้างสรรค์เนื้อหาที่น่าสนใจ อย่าง บทความ คลิปวิดีโอ หรือ Infographic เพื่อดึงดูดความสนใจจากกลุ่มเป้าหมาย เหมือนกับการจัดกิจกรรมเวิร์คช็อป หรือสัมมนาฟรี เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามา แถมการตลาดคอนเทนต์ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์ และความน่าเชื่อถือให้กับแบรนด์ของคุณอีกด้วย

3.การตลาดแบบ Affiliate (Affiliate Marketing): การจับมือกับเว็บไซต์ หรือร้านค้าอื่นๆ ให้เค้าช่วยโปรโมทสินค้าของคุณบนแพลตฟอร์มของเค้า เหมือนกับการมีระบบตัวแทนจำหน่าย ช่วยขยายฐานลูกค้าของคุณไปได้อีกไกล ป้ายดิจิทัล (Digital Signage): ป้ายโฆษณาตามห้าง สนามบิน หรือตามจุดต่างๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งของการตลาดดิจิทัล ช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าที่อยู่นอกโลกออนไลน์ได้ เหมือนมีป้ายโฆษณาตามสถานที่ต่างๆ ดึงดูดคนที่เดินผ่านไปมา ให้สนใจสินค้าหรือบริการของคุณ

โลกการตลาดเปลี่ยนแปลงไวเหมือนสายน้ำ ปี 2024 นี้ก็เช่นกัน เทรนด์ใหม่ๆ เทคโนโลยีล้ำๆ พร้อมที่จะพาธุรกิจของคุณไปสู่จุดหมาย แต่ถ้าพลาดการปรับตัว ก็อาจจะโดนคู่แข่งแซงหน้าได้ง่ายๆ มาดูกลยุทธ์เด็ดปี 2024 กัน!

1.ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้ามามีบทบาทสำคัญในกลยุทธ์การตลาด : ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนโฉมวงการตลาดอย่างรวดเร็ว ธุรกิจสามารถใช้ประโยชน์จาก AI สำหรับงานต่างๆ เช่น

  • ประสบการณ์ลูกค้าที่ปรับแต่งตามความต้องการ: AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อปรับแต่งเนื้อหา คำแนะนำ และข้อเสนอ แบบเรียลไทม์
  • การตลาดเชิงคาดการณ์: อัลกอริทึมของ AI สามารถคาดการณ์พฤติกรรม และความต้องการของลูกค้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดเป้าหมายด้วยข้อความที่เกี่ยวข้องกัน
  • การรันแคมเปญการตลาดอัตโนมัติ: AI สามารถจัดการทำงานรูทีน อย่างเช่น การปรับแต่งแคมเปญโฆษณา และการกำหนดเวลาโพสต์โซเชียลมีเดียโดยอัตโนมัติ ช่วยให้ทีมการตลาดมีเวลามากขึ้น สำหรับการมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์เชิงกลยุทธ์

2. อนาคตที่ไร้คุกกี้ และการตลาดที่เน้นความเป็นส่วนตัว : การยกเลิกการใช้คุกกี้ของบุคคลที่สาม (Third-Party Cookie) ในอนาคตอันใกล้ บังคับให้นักการตลาดต้องคิดใหม่ เกี่ยวกับกลยุทธ์การกำหนดเป้าหมาย ธุรกิจจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับ:

  • การรวบรวมข้อมูลของบุคคลที่หนึ่ง (First-Party Data): การสร้างกลยุทธ์ข้อมูลของบุคคลที่หนึ่ง ที่แข็งแกร่ง เป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งรวมถึงการรวบรวมข้อมูลโดยตรงจากลูกค้า ผ่านแบบฟอร์มเว็บไซต์ โปรแกรมสะสมแต้ม และการสำรวจ
  • การรวบรวมข้อมูลแบบ Zero-Party Data: ชวนลูกค้าแชร์ข้อมูล ความชอบ ความสนใจ ของเค้าเอง ด้วยวิธีง่ายๆ เช่น แบบสอบถาม หรือกิจกรรมสนุกๆ

3. โซเชียลคอมเมิร์ซ (Social Commerce) ยังคงครองความนิยม : แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ไม่เพียงแค่สร้างการรับรู้แบรนด์เท่านั้น แต่ยังกลายเป็นช่องทางการขายที่ทรงพลัง ธุรกิจควรเน้นที่:

  • ช้อปปิ้งบนโซเชียล ง่ายเวอร์! (Shoppable Social Experiences): ลูกค้าสามารถดูสินค้า กดสั่งซื้อ และชำระเงินได้เลย ภายในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย สะดวก รวดเร็ว สุดๆ
  • กิจกรรมอีเว้นท์ขายสินค้าสด (Live Commerce Events): จัดกิจกรรมขายสินค้าแบบสด บนช่องทาง Live ของโซเชียลมีเดีย มีโอกาสโต้ตอบกับลูกค้า เรียลไทม์ สร้างความสนุกสนาน และกระตุ้นยอดขายได้ดี
  • Influencer Marketing: ร่วมมือกับ Influencer ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย ให้เค้ารีวิวสินค้า หรือโปรโมทแบรนด์ของคุณ จะช่วยสร้างความน่าเชื่อถือ และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้รวดเร็ว

แม้ว่าการตลาดออนไลน์ และการตลาดดิจิทัล จะต่างกันแค่ไหน? ถ้าเราเลือกใช้ให้ถูกกลยุทธ์ ธุรกิจของคุณก็จะปังแน่นอน! นอกจากนี้ การตลาดดิจิทัล ยังมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปได้อีกไกล ในอนาคต อาจจะมีเทคโนโลยี หรือช่องทางการตลาดใหม่ๆ ออกมาอีก ติดตามเทรนด์ และปรับกลยุทธ์อยู่เสมอ ธุรกิจของคุณก็จะอยู่รอด และเติบโตได้อย่างยั่งยืน

บริการ Email Marketing สำหรับธุรกิจ เราได้รวบรวมฐานข้อมูลที่ประกอบไปด้วยรายชื่ออีเมลกว่า 10,000 รายชื่อ ซึ่งเป็นบุคคลที่มีอำนาจในการตัดสินใจภายในองค์กร ซึ่งหมายความว่าคุณจะสามารถเข้าถึงบุคคลที่มีอำนาจในการตัดสินใจ และผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าได้โดยตรง

เริ่มต้นใช้งานพร้อมส่วนลดทันที 50% สำหรับบลาสต์อีเมลครั้งแรกของคุณได้แล้ววันนี้ที่ https://it-review.in.th/systems/blast-e-mail-service/

บทความอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

Scroll to Top